วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แปลเพลง Don't Look Back in Anger - Oasis (1996)

อยากทราบว่าเพลงที่มียอดวิวสูงสุดของวง Oasis คือเพลงอะไร เปิด YouTube พิมพ์ Oasis ค้น แล้วให้เรียงตามยอดวิว ได้ Don't Look Back in Anger เพลงปี 1996 ออกมา 64 ล้านวิว ชื่อเพลงดูดีมาก ลองฟังดูแล้วมันคุ้นนี่นา ได้ยินบ่อยมาก คำแปลแรกเป็นแบบตรงตามเนื้อเพลงนะคะ อาจจะดูตลกหน่อย ๆ แต่เพื่อเพิ่มพูนคำศัพท์ค่ะ ส่วนคำแปลที่ 2 เป็นการตีความจุดประสงค์ของผู้เขียนนะคะ

"Don't Look Back In Anger"
อย่าหมกมุ่นกับความโกรธ

ชื่อเพลงหมายถึงสิ่งที่ผู้เขียนเพลงได้ยินจากแฟนของเขาว่า ให้อภัยกันนะ

Slip inside the eye of your mind
ลื่นไถลเข้าไปในดวงตาของความคิดของคุณ
Don't you know you might find a better place to play
คุณไม่รู้หรอกว่าคุณอาจจะเจอสถานที่ที่ดีกว่าที่จะเล่น
You said that you'd never been but all the things that you've seen will slowly fade away
คุณบอกไว้ว่าคุณจะไม่ไปแต่ทุกสิ่งที่คุณเคยเห็นจะจางหายไปอย่างช้า ๆ นะ

ตีความจากเอ็มวีด้วยภาพเก้าอี้หลังว่างเปล่าหลังตาข่าย ฉากมุมมองออกมานอกตัวบ้านคล้ายความอึดอัดว่าอยากจะออกก็ออกมาไม่ได้ ผู้ร้องและพระเอกเอ็มวีนั่งมาในรถที่นั่งกันแบบแออัด ท่อนเริ่มเพลงผู้ร้องเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย ยกแว่นขยายขึ้นมาด้วย แล้วบอกว่า ถามใจดูดี ๆ อาจจะเจออะไรที่ทำให้มีความสุขกว่านี้ ลองดูสิแล้วเรื่องที่ผ่านมาจะค่อย ๆ หายไป พระเอกเอ็มวีก็ยิ้มรับ

So I'll start a revolution from my bed 'Cause you said the brains I had went to my head
ดังนั้นฉันจะเริ่มการปฏิวัติจากเตียงนอนของฉันเพราะคุณพูดเสมอว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ในหัวฉัน
Step outside, summertime's in bloom
เดินออกไป ช่วงฤดูร้อนอยู่ในที่ที่ดอกไม้เบ่งบาน
stand up beside the fireplace Take that look from off your face You ain't ever gonna burn my heart out
ยืนขึ้นข้างเตาผิงไฟ มองไปทางไหนก็ไม่มีหน้าของคุณ คุณจะไม่มีทางทำให้ใจของฉันร้อนรนอีกต่อไป

ฉากต่อว่ารถแล่นเข้ามาในรั้วบ้าน ฉากที่มองเห็นรถน่าจะเป็นของพนักงานรักษาความปลอดภัย ท่อนต่อมาผู้เขียนบอกเล่าเรื่องราวของตนเองว่าจะต้องเปลี่ยนความคิดละ รู้อยู่แล้วว่าต้องเลิกกัน ท่อนนี้เป็นการปรากฏตัวของหญิงในชุดขาวที่อยู่ในบ้านทำหน้าไม่ยินดียินร้าย พระเอกเปิดประตูให้ผู้ร้องลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คิดถึงตอนที่เลิกกันแล้วก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ ไม่มีอะไรให้กลุ้มใจ

And so Sally can wait, she knows it's too late as we're walking on by
และ ดังนั้น แซลลีรอได้ เธอรู้ว่ามันสายไปเพราะเรากำลังเดินสวนกันแต่ไม่ทักทายกัน
Her soul slides away, "But don't look back in anger," I heard you say
วิญญาณของเธอเลื่อนไหลหายไป แต่อย่าหมกมุ่นกับความโกรธ ฉันเคยได้ยินคุณบอก

ผู้ร้องเริ่มร้องพร้อมเล่นกีต้าร์กล่าวถึงความรักโดยเรียกความรักว่าแซลลี รักแท้มีอยู่จริงแต่ตอนนี้มันไม่ทันแล้ว ฉากวงดนตรีหลังตาข่ายเปรียนเสมือนว่ามีกำแพงอะไรกั้นอยู่ระหว่างตัวพระเอกกับแฟน ผู้หญิงในบ้านเดินสวนกันไปมา ไม่สนใจจะมาทักทาย น่าจะสื่อถึงความรักและแฟนของพระเอกเอ็มวีด้วย เพราะเลิกกันแล้ว พระเอกก็พยายามมองหาแต่ก็ไม่เห็น แต่เขาจำได้แฟนเขาบอกไว้ว่าอย่าโกรธกันนะ

Take me to the place where you go where nobody knows if it's night or day
พาฉันไปที่ที่คุณไปที่ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นกลางคืนหรือกลางวัน
Please don't put your life in the hands of a Rock 'n' Roll band who'll throw it all away
กรุณาอย่าส่งมอบชีวิตของคุณให้กับมือของวงดนตรีร๊อกแอนโรลที่จะทอดทิ้งสิ่งนั้นไปทั้งหมด

ฉากพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยก็พบว่าผู้ร้องต้องการจะบอกให้โลกรู้ว่าเขามาอวยพร ให้จดจำไว้ตลอดไปว่า ขอให้แฟนเจอกับสิ่งดี ๆ อย่าเลือกผู้ชายแบบเขาอีก ซึ่งก็เหมือนกับการประกาศให้คนทั่วไปที่พบเห็นเขาและเธอในชีวิตจริงรู้ว่า เขามาดี ไม่ได้มาร้าย พอทราบข้อมูลแล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยก็เดินจากไปเพราะเห็นว่าไม่มีเรื่องร้าย

Gonna start a revolution from my bed 'Cause you said the brains I had went to my head
เริ่มจริง ๆ แล้วกับการปฏิวัติจากเตียงนอนของฉันเพราะคุณพูดเสมอว่าสิ่งที่จะเกิดในอนาคตอยู่ในหัวฉัน
Step outside 'cause summertime's in bloom
เดินออกมาเพราะช่วงเวลาของฤดูร้อนอยู่ในดอกไม้ที่เบ่งบาน
Stand up beside the fireplace, take that look from off your face 'Cause you ain't ever gonna burn my heart out
ยืนขึ้นข้างเตาผิงไฟ มองไปรอบ ๆ ไม่มีหน้าของคุณ เพราะคุณจะไม่ทำให้หัวใจของฉันร้อนรนอีกต่อไป

ผู้ร้องมีเตียงในฉากด้วย ตัดภาพผุดลุกผุดนั่ง ตัดไปหาพระเอกที่ทำท่ากระวนกระวายว่าต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าเลิกกันแล้ว การที่เขาเลือกถอยออกมาเพราะรู้สึกดีกว่าทนคบกันไปแต่เขาก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี ผู้หญิงในชุดขาวเดินออกมานอกบ้านแต่ก็ยังไม่พบกับพระเอก พระเอกกระวนกระวายมากขึ้น หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเหมือนเดิม

And so Sally can wait She knows it's too late as she's walking on by
และ ดังนั้น แซลลี่ รอได้ เธอรู้ว่ามันสายเกินไปเพราะเธอกำลังเดินผ่านไปโดยไม่แวะทักทาย
My soul slides away "But don't look back in anger," I heard you say
วิญญาณของฉันเลื่อนไหลหายไป แต่อย่าหมกมุ่นกับความโกรธ ฉันเคยได้ยินคุณพูด

ผู้ร้องบอกว่ารักแท้มีจริง แต่ยังไม่ถึงเวลา เป็นฉากพระเอกยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอย่างจริงจัง เขาเคว้งคว้างมาก แต่ได้ยินแฟนเขาพูดว่า อภัยให้กันนะ

And so Sally can wait, she knows it's too late as we're walking on by
และ ดังนั้น แซลลีรอได้ เธอรู้ว่ามันสายไปเพราะเรากำลังเดินสวนกันแต่ไม่ทักทายกัน
Her soul slides away, "But don't look back in anger," I heard you say
วิญญาณของเธอเลื่อนไหลหายไป แต่อย่าหมกมุ่นกับความโกรธ ฉันเคยได้ยินคุณบอก

ท่อนนี้พระเอกตัดสินใจเลิกรอ นักร้องก็เช่นกันเดินตามพระเอกไป ผู้หญิงในชุดขาวก็อยู่ในบ้านมองดูพระเอกขึ้นรถ

My soul slides away "But don't look back in anger, don't look back in anger." I heard you say, "at least not today."

สุดท้ายคือผู้ร้องและพระเอกอยู่ในรถ แม้จะรู้สึกเค้วงคว้างว่างเปล่า แต่เขาไม่โกรธแฟนเขาหรอก เขาก็ขอให้อภัยให้เขาเหมือนกัน ให้อภัยกันและกัน ผู้หญิงชุดขาวโบกมือบอกลาด้วยดี พระเอกยิ้มกว้างขณะขับรถกลับ ประโยคสุดท้ายต้องการจะสื่อว่า เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง อีกหน่อยเราทั้งสองก็ต่างจะมีชีวิตที่ดีเมื่อกลับคิดย้อนถึงวันที่เราจากกันด้วยดี

เหตุการณ์ในเอ็มวีคือ เวลาที่อยู่ห่างกันกลับรู้สึกคิดถึงกัน แต่พอเผชิญหน้ากันกลับรู้สึกไม่มีความสุข อึดอัด เหมือนมีอะไรมากั้นขวางในความสัมพันธ์ อยากจะสานต่อแต่ก็พบว่ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขเลย สุดท้ายตอนพระเอกยิ้มกว้างขึ้นตอนกลับออกไป รวมถึงผู้หญิงชุดขาวก็ดูร่าเริงขึ้นด้วย ทำให้สรุปได้ว่า จากกันด้วยดีย่อมดีกว่าคบกันแบบไม่สุขใจ

เพลงวงนี้ส่วนใหญ่เป็นเพลงช้า เหมาะกับนักเรียนที่เริ่มหัดร้องเพลงภาษาอังกฤษค่ะ

ขอบคุณข้อมูลการตีความเนื้อเพลงจาก rockandrollramblings2.blogspot
คำแปลจากที่อื่น ๆ ห้องดนตรีบ้านพักอลเวง 3.0 และ bank09

คลิกเพื่อตอบคำถาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ONET 58 ENG M6 ข้อ 16

แหล่งที่มาของภาพ The boy claimed that the pencil box belonged to him, but soon everybody found out that he___. 1. is lying 2. tell...